×
×
×
×
คลิกเลือกไพ่ 1 ใบ แล้วตั้งจิตอธิษฐาน
เรื่อง คืนนั้นที่ชั้น 6 คุณเอก
21 วันในโรงแรมอาถรรพ์...ที่ไม่มีแขกมาเข้าพักสักคนเดียว!
ประสบการณ์หลอนที่ภาคตะวันออก
จะปล่อยให้หนีก็คงไม่ได้ จะให้สู้คงไม่ไหว
มาจากไหน มาได้ไง?
หิ้วเด็กไปหิ้วเด็กมา
โรคภัยใกล้ตัว
อาหารการกิน
การดูแลตัวเอง
ข้อดีของงานกะดึก

การนอนหลับไม่เพียงพอ หรือ นอนหลับมากจนเกินไป ไม่มีแบบไหนที่ส่งผลดีต่อสุขภาพทั้งนั้น เพราะพฤติกรรมการนอนทั้ง 2 แบบมีแต่จะสร้างผลร้ายและทำให้เกิดโรคต่างๆ ตามมามากมาย

ผลเสียจากพฤติกรรมการนอนไม่ถูกต้องมีอะไรบ้าง

การนอนที่ถูกต้องตามหลักสากลคือ นอนให้ครบ 6-8 ชั่วโมงต่อวัน แต่ในกลุ่มคนที่ชอบนอนดึก หรือนอนไม่หลับ จนกลายเป็นคนนอนน้อยและร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็จะเสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อนมากมาย เช่นเดียวกับกลุ่มคนที่นอนมากกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งการนอนมากเกินไปก็จะส่งผลเสียต่อสุขภาพไม่ต่างกัน

โรคและอาการที่เป็นผลกระทบมาจากการนอนหลับจะส่งสัญญาณไม่มากนักในช่วงแรก แต่ผู้ป่วยจะเริ่มเกิดความผิดปกติเกี่ยวกับระบบการนอน เช่น จากที่เคยเป็นคนตื่นเช้า ก็อาจกลายเป็นตื่นสายขึ้น หรือนอนไม่หลับตอนกลางคืน แต่ไปหลับเอาช่วงสายแทน และสิ่งที่ตามมาก็คือ อาการของร่างกายที่เริ่มมีความผิดปกติ เช่น จากที่ไม่เคยมีอาการปวดหัว ก็อาจจะเริ่มปวดมากขึ้น และลุกลามกลายเป็นโรคไมเกรนในเวลาต่อมา เราสามารถแบ่งกลุ่มผู้ป่วยโรคต่างๆ ที่มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการนอนหลับได้ 2 กลุ่มด้วยกันคือ

กลุ่มผู้มีอาการนอนหลับไม่เพียงพอ

ด้วยวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่มีปัจจัยรอบตัวทำให้ต้องนอนดึกอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นงานที่ทำ การอ่านหนังสือสอบให้ทัน การปาร์ตี้งานเลี้ยงยามค่ำคืน เมื่อร่างกายเริ่มพักผ่อนไม่เพียงพอจนสะสมไปหลายวัน ก็จะก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา โดยอาการเริ่มต้นอาจเป็นการนอนตื่นสาย มีกลิ่นตัวแรง รู้สึกหงุดหงิดและเครียดง่ายขึ้น ก่อนที่อาการอีกอย่างจะตามมาคือ มีอาการนอนไม่หลับเรื้อรัง เพราะร่างกายและสมองนั้นเคยชินกับการนอนดึกไปแล้ว และส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ตามมาอีกมากมาย เช่น

1. โรคมะเร็งลำไส้

เป็นโรคยอดฮิตของคนที่ใช้ชีวิตแบบสมัยใหม่ที่นอนดึก แต่ต้องตื่นเช้าไปทำงานหรือไปเรียน จนกินอาหารเช้าไม่ทันและต้องเปลี่ยนไปกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์แต่ใช้เวลาปรุงเร็วแทน เช่น อาหารสำเร็จรูป อาหารจังค์ฟู้ด นอกจากนี้ยังไม่เคยออกกำลังกาย จนทำให้เกิดความเสื่อมของระบบภายใน โดยเฉพาะส่วนลำไส้ จนกลายเป็นโรคลำไส้อักเสบและลุกลามจนกลายเป็นมะเร็งลำไส้ไปในที่สุด

2. โรคหลอดเลือดหัวใจ

สารโปรตีนในร่างกายจะสะสมมากขึ้นที่หัวใจในเวลาที่เราตื่นโดยธรรมชาติ แต่ถ้าเราไม่นอน หรือนอนดึกเกินไป สารโปรตีนเหล่านี้ก็จะยิ่งเข้าไปเกาะที่หลอดเลือดหัวใจ จนทำให้เกิดการอุดตัน และทำให้ความดันเลือดสูงขึ้น

3. โรคเบาหวาน

ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่นอนไม่พอ จะทำให้ระดับน้ำตาลกลูโคสและอินซูลินในเลือดเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ผู้ป่วยอาจเกิดภาวะดื้ออินซูลินได้จากการนอนพักผ่อนไม่เพียงพอด้วย

4. ระบบร่างกายรวน

เมื่อร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็เหมือนกับเครื่องจักรที่ทำงานนานๆ โดยไม่ได้หยุดพัก จึงสามารถเกิดการรวนจนทำงานผิดปกติได้ โดยจะเริ่มจากระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติ และทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารย่อยไม่ดี และการถ่ายอุจจาระไม่เป็นปกติ ผู้ป่วยบางรายอาจท้องเสียและท้องผูกสลับกันอย่างหาสาเหตุไม่ได้ ซึ่งความจริงแล้ว นั่นเป็นเพราะว่ากระเพาะอาหารเกิดการล้า จึงทำให้ย่อยอาหารได้ไม่ดีเท่าที่ควรนั่นเอง

5. โรคนอนไม่หลับเรื้อรัง

ผู้ป่วยโรคนี้หลายรายอาจต้องใช้เวลาเกินกว่า 30 นาทีถึงจะสามารถหลับได้ หรืออาจจะหลับๆ ตื่นๆ ทั้งคืน จากนั้นก็ไม่สามารถหลับต่อได้อีก และโรคนอนไม่หลับเรื้อรัง ยังส่งผลต่อการเข้าห้องน้ำบ่อยทั้งคืนด้วย เพราะร่างกายจะต้องการดูดซับน้ำมากกว่าคนปกติ ซึ่งอาการนี้จะต้องเกิดขึ้นเกิน 1 เดือน ถึงจะเรียกว่าการนอนไม่หลับแบบเรื้อรัง

6. สมรรถภาพทางเพศเสื่อมลง

เพราะการนอนไม่หลับจะทำให้การหลั่งของฮอร์โมน "เทสโทสเทอโรน" (Testosterone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศที่สำคัญต่ำลง ซึ่งทำให้ความต้องการทางเพศลดต่ำลงไปด้วย

7. อารมณ์แปรปรวนง่าย

เพราะการพักผ่อนไม่เพียงพอจะส่งผลกระทบทำให้ผู้ป่วยมีอาการอ่อนเพลียเมื่อตื่นเช้า รู้สึกไม่กระปรี้กระเปร่าจนหงุดหงิดง่าย อารมณ์เสียง่ายกว่าปกติ และยังทำให้การตัดสินใจต่างๆ ผิดพลาดไปด้วย เนื่องจากสมองพักผ่อนไม่เพียงพอ

วิธีแก้ไขอาการนอนไม่พอ

1. พยายามกำหนดเวลานอนให้เป็นเวลา ระหว่างที่นอนให้ปล่อยสมองให้โล่ง หยุดคิดเรื่องราวต่างๆ เพื่อให้ร่างกายหลับได้เร็วขึ้น

2. งดดื่มชา กาแฟ และอาหารต่างๆ ที่มีส่วนผสมของสารซึ่งสามารถกระตุ้นสมองได้ก่อนนอน ปรับการกินอาหารแต่ละมื้อให้ตรงเวลามากขึ้น กินผักผลไม้และอาหารที่มีประโยชน์ให้มากๆ และหลีกเลี่ยงการกินอาหารหนัก หรือกินเนื้อสัตว์ในปริมาณมากก่อนนอน เพราะจะยิ่งทำให้อึดอัดท้อง จนทำให้นอนไม่หลับ

3. ออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายได้ขับเหงื่อ ทำให้สมองปลอดโปร่งมากขึ้น และยังทำให้นอนหลับได้เร็วขึ้นด้วย

4. งดเล่นคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตก่อนนอน ปิดไฟทำห้องนอนให้เงียบและมืด เพื่อให้บรรยากาศรอบตัวน่านอนมากขึ้น

5. เลือกเตียงและฟูกนอนที่เป็นมาตรฐาน นอนสบาย ไม่แข็งและนุ่มจนเกินไป พร้อมทั้งหาหมอนที่รองรับศีรษะได้พอดีด้วย

กลุ่มผู้มีอาการนอนมากเกินไป

เราสามารถเรียกพฤติกรรมการนอนมากเกินไปได้อีกชื่อคือ "โรคนอนเกิน" (Hypersomnia) หรือโรคขี้เซา ผู้ป่วยโรคนี้จะมีอาการนอนหลับเกินพอดี โดยจำนวนชั่วโมงการนอนจะมากกว่า 8 ชั่วโมงขึ้นไป และจะไม่รู้สึกว่านอนเท่าไรจึงจะเพียงพอ อีกทั้งจะมีอาการเฉื่อยชา ไร้ชีวิตชีวา กินน้อยแต่อ้วนง่าย เพราะการนอนจะทำให้กระเพาะอาหารไม่ทำงาน จึงทำให้อาหารไม่ย่อยและเกิดเป็นไขมันสะสมตามร่างกาย นอกจากนี้ ผู้ป่วยโรคนอนเกินยังอาการของโรคอื่นๆ ตามมาได้อีก ดังนี้

1. ทำร้ายสมอง

การนอนมากเกินไปจะทำให้สมองเฉื่อยชา ผู้ป่วยจะกลายเป็นคนที่คิดอะไรไม่ออก การประมวลผลต่างๆ ช้าลงกว่าเดิม กลายเป็นคนไร้ชีวิตชีวา ขยับตัวน้อยลง และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคกระดูกพรุนได้

2. อ้วนง่าย

น้ำหนักที่เกินเกณฑ์จะส่งผลให้ผู้ป่วยเป็นโรคอื่นๆ ตามมาอีกมากมายทั้ง โรคหัวใจ ความดันโลหิต โรคเบาหวาน และต่อให้ผู้ป่วยกินน้อย แต่หากยังคงมีพฤติกรรมนอนมากเกินไปอยู่ก็สามารถอ้วนได้ เพราะกระเพาะอาหารไม่ค่อยได้ทำงานนั่นเอง

3. กลายเป็นคนซึมเศร้า

ร่างกายของผู้ป่วยโรคนอนเกินจะมีการหลั่งสารเอนดอร์ฟิน (Endorphins) และสารซีโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารแห่งความสุขน้อยลง ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอารมณ์แปรปรวนง่าย รู้สึกว่าชีวิตไม่มีความสุข และอาจคิดอยากฆ่าตัวตายได้ด้วย

4. ภาวะมีบุตรยาก

ผู้หญิงที่นอนในระยะเวลา 7-8 ชั่วโมงต่อวัน จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้มากกว่าผู้หญิงที่นอนนานเกินวันละ 9 ชั่วโมง เพราะฮอร์โมนและรอบเดือนของผู้หญิงจะเป็นปกติก็ต่อเมื่อต้องได้รับการพักผ่อนที่พอดีเท่านั้น

5. เป็นสาเหตุให้เสียชีวิตเร็ว

เพราะผู้ที่นอนมากเกินไปจะหลับง่าย และใช้เวลานาน ทำให้ร่างกายไม่ค่อยได้ขยับตัวหรือออกกำลังกายใดๆ ร่างกายจึงไม่สามารถเพิ่มออกซิเจนแก่อวัยวะภายในได้ และเป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิตได้ง่าย

6. เสี่ยงต่อสภาวะ การหยุดหายใจแบบเฉียบพลัน (ไหลตาย)

สาเหตุนี้เกิดจากการดับไปของสัญญาณสมอง ทำให้เนื้อสมองตาย ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากการนอนนานมากเกินไป

วิธีแก้ไขอาการนอนมากเกินไป

1. พยายามกำหนดเวลานอนให้เป็นเวลา ระหว่างที่นอนให้ปล่อยสมองให้โล่ง หยุดคิดเรื่องราวต่างๆ เพื่อให้ร่างกายหลับได้เร็วขึ้น

2. งดดื่มชา กาแฟ และอาหารต่างๆ ที่มีส่วนผสมของสารซึ่งสามารถกระตุ้นสมองได้ก่อนนอน ปรับการกินอาหารแต่ละมื้อให้ตรงเวลามากขึ้น กินผักผลไม้และอาหารที่มีประโยชน์ให้มากๆ และหลีกเลี่ยงการกินอาหารหนัก หรือกินเนื้อสัตว์ในปริมาณมากก่อนนอน เพราะจะยิ่งทำให้อึดอัดท้อง จนทำให้นอนไม่หลับ

3. ออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายได้ขับเหงื่อ ทำให้สมองปลอดโปร่งมากขึ้น และยังทำให้นอนหลับได้เร็วขึ้นด้วย

4. งดเล่นคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตก่อนนอน ปิดไฟทำห้องนอนให้เงียบและมืด เพื่อให้บรรยากาศรอบตัวน่านอนมากขึ้น

5. เลือกเตียงและฟูกนอนที่เป็นมาตรฐาน นอนสบาย ไม่แข็งและนุ่มจนเกินไป พร้อมทั้งหาหมอนที่รองรับศีรษะได้พอดีด้วย

การนอนที่ดีและถูกต้องควรนอนอย่างไร
1. นอนหลับให้ได้ประมาณ 6-8 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น

ห้ามน้อยหรือมากกว่านี้ และควรกำหนดเวลานอนกับเวลาตื่นที่ตรงเวลาด้วย โดยเวลานอนที่ดีควรจะนอนก่อน 4 ทุ่ม แล้วตื่นประมาณตี 5-6 โมงเช้า เพียงเท่านี้ ร่างกายก็จะมีการปรับตัวกับพฤติกรรมการนอนแบบใหม่ และมีความกระปรี้กระเปร่าเตรียมรับเช้าวันใหม่อย่างสดชื่นได้อีกครั้ง

2. อาบน้ำก่อนนอนทุกครั้ง

ไม่ว่าจะทำงานหรือเรียนหนักแค่ไหน ให้พยายามอาบน้ำก่อนนอนทุกครั้ง เพราะจะทำให้เรารู้สึกสบายใจตัว ไม่เหนียวตัวจากคราบเหงื่อไคลที่ต้องเจอมาตลอดทั้งวัน จนทำให้รู้สึกนอนไม่หลับได้

3. นอนเวลากลางคืนเท่านั้น และไม่ควรนอนเวลากลางวัน

หรือถ้านอนกลางวันก็ไม่ควรนอนนานเกิน 1 ชั่วโมง เพราะอาจทำให้นอนไม่หลับอีกในเวลากลางคืน

4. ทำกิจวัตรทุกอย่างในชีวิตให้เป็นระเบียบ

มีความตรงต่อเวลาและสม่ำเสมอในการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น เวลาตื่น เวลากินข้าว เวลาออกกำลังกาย เวลาอาบน้ำ เวลานอน หลายคนอาจเรียกเวลาเหล่านี้ว่า "นาฬิกาชีวิต" เมื่อทุกอย่างเป็นไปอย่างมีระเบียบ สุขภาพกายและใจก็จะดีขึ้นโดยทันตาเห็น

5. ไม่ควรใช้ยานอนหลับ

โดยเฉพาะผู้ป่วยรายที่มีอาการนอนไม่หลับเรื้อรัง เพราะผู้ป่วยควรที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนด้วยตนเอง ซึ่งเป็นการแก้ไขที่ต้นเหตุ ไม่ใช่แก้ที่ปลายเหตุด้วยการกินยา อีกทั้งการปรับพฤติกรรมการนอนใหม่ด้วยตนเอง จะทำให้ผู้ป่วยมีการนอนหลับที่ดีในระยะยาวด้วย เพราะหากผู้ป่วยนอนหลับโดยใช้ยา ก็จะต้องใช้ไปเรื่อยๆ ไม่มีวันหยุด หรือผู้ป่วยอาจมีอาการติดยาจนต้องเพิ่มปริมาณยาขึ้นเรื่อยๆ ส่วนผู้ป่วยรายที่นอนเยอะเกินไป ก็ไม่ควรใช้ยากระตุ้นประสาทเพื่อให้ไม่หลับหรือปลุกให้ตนเองตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เพราะพฤติกรรมเหล่านี้อาจทำให้เกิดอาการหลอน และกลายมาเป็นอาการทางจิตหรือประสาทไปในที่สุด

การปรับเวลาการนอนให้เหมาะสมและเข้ากับวิถีชีวิตในปัจจุบันอาจเป็นไปได้ยาก แต่เราทุกคนต้องอย่าลืมว่าการนอนก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ร่างกายของเรามีสุขภาพแข็งแรง สมองที่ใช้งานมาทั้งวันก็จะได้มีการพักผ่อน อวัยวะภายในที่ทำงานหนักมาทั้งวันก็จะได้ผ่อนคลายและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ

ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องเล็งเห็นความสำคัญของเวลานอนที่ดี และหาเวลานอนพักผ่อนให้เพียงพอให้ได้ หากมีปัจจัยต่างๆ เช่น เรื่องงาน ภาระต่างๆ ในบ้านที่อาจทำให้เราต้องนอนดึกขึ้น ขอให้เรามองดูสุขภาพของตนเอง เวลาว่างที่มี ภาระต่างๆ ที่ต้องทำ กับพฤติกรรมการนอนที่เป็นอยู่ควบคู่กันไป แล้วปรับตัวกับเวลาในการนอนหลับเข้ากับปัจจัยเหล่านั้น บางทีคุณอาจได้นาฬิกาชีวิตที่เหมาะสมกับวิถีชีวิตของตนเอง และไม่กระทบต่อสุขภาพของคุณด้วย

หลายคนนอนน้อย หลายคนนอนดึก ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย รู้สึกไม่สดชื่น นั่นเป็นเพราะร่างกายของคุณเข้าสู่ภาวะพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งหากบางครั้งคุณหลีกเลี่ยงการนอนดึกไม่ได้ ฉะนั้นมาดูวิธีที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาสดชื่นและตื่นตัวด้วยการทานอาหารทั้ง 6 ประเภท ดังต่อไปนี้

1 ถั่วเหลือง

สำหรับถั่วเหลืองจะช่วยในเรื่องของความจำ ป้องกันความจำเสื่อม ช่วยให้มีสมาธิที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยโปรตีนและแร่ธาตุค่อนข้างสูง สามารถเติมเต็มการทำงานของระบบประสาทและสมองในวันที่ร่างกายอ่อนล้าหรือนอนไม่เพียงพอได้เป็นอย่างดี

2 ปลา

โดยปกติแล้วสมองมักต้องการโอเมกาจากปลาหรือน้ำมันปลา เพราะมันช่วยทำให้สมองได้รับสารอาหารเพื่อไปบำรุงซ่อมแซมร่างกาย ทดแทนพลังงานที่สูญเสียไป ทำให้สมองเกิดการตื่นตัวถึงแม้ก่อนหน้านี้จะได้รับการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอก็ตาม

3 ข้าวกล้องงอก และธัญพืชชนิดต่าง ๆ

ในธัญพืชหรือข้าวกล้องงอกนั้นมีกาบา ที่เป็นสารอาหารที่ร่างกายต้องการ โดยกาบานั้นจะช่วยให้สมองที่เบลอ ๆ กลับมาทำงานได้อย่างปกติและมันยังช่วยกระตุ้นระบบประสาทและสมองให้ตื่นตัวและกลับมาทำงานได้อย่างปกติ

4 วิตามิน B

วิตามินบีช่วยในเรื่องระบบประสาทและยังช่วยลดอาการอ่อนเพลีย ดูดซึมอาหารในร่างกายได้ดีมากยิ่งขึ้น หากวันไหนที่คุณรู้สึกว่านอนน้อยหรือนอนหลับไม่เพียงพอ เพียงแค่ทานวิตามินบี ก็จะช่วยให้ร่างกายสดชื่นขึ้นมาได้

5 อาหารประเภทโปรตีน

ให้เน้นโปรตีนสีขาว เช่น เนื้อปลา อกไก่ ไข่ขาว เต้าหู้ เป็นต้น และให้เน้นทานในมื้อเช้าหรือกลางวัน เพื่อให้ร่างกายได้มีพลังงานที่สามารถนำไปใช้ได้ตลอดทั้งวัน ซึ่งอาหารประเภทนี้จะช่วยในเรื่องของการสร้างเคมีในสมองที่จำเป็นในการบำรุงสมองและระบบประสาทสำหรับคนนอนดึกโดยเฉพาะ

6 สารสกัดจากใบแปะก๊วย และใบบัวบก

ในใบแปะก๊วยมีสารแอนติออกซิแดนซ์ ซึ่งช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันมะเร็งและยังช่วยการไหลเวียนของเลือดให้ไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น ส่วนใบบัวบกนั้นจะช่วยในเรื่องอาการช้ำในหรือการอักเสบ ซึ่งโดยปกติของคนนอนน้อยมักเสี่ยงต่อการอักเสบบริเวณต่าง ๆ ได้ง่าย การทานน้ำใบบัวบกคั้นสด ๆ ถือเป็นการช่วยลดความเสี่ยงต่อการอักเสบนั้นได้เป็นอย่างดี

ดังนั้นอาหารที่แนะนำมาทั้งหมดนี้สามารถช่วยฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาทำงานอย่างปกติได้ แต่ทางที่ดีควรพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง และทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ รับรองว่าร่างกายของคุณจะอยู่กับคุณไปอีกยาวนาน

วิธีดูแลร่างกายสำหรับคนอดนอน แนะนำจาก พ.ญ.ลลิตา ธีระสิริ แห่งศูนย์ธรรมชาติบำบัดบัลวี ความว่า ก่อนอื่นต้องยอมรับเสียก่อนว่าคนเราต้องนอนหลับในยามกลางคืน ไม่ใช่กลางวัน เพราะฮอร์โมนในร่างกายถูกธรรมชาติจัดสรรมาอย่างนั้น ในเวลากลางวันเมื่อมีแสงสว่าง ต่อมไพเนียล หรือต่อมเหนือสมอง จะหลั่งฮอร์โมนซีโรโตนินออกมาเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่ากระฉับ กระเฉงเพื่อกิจกรรมดำเนินในยามกลางวัน

ราวๆ 4-5 โมงเย็น ตอนแสงสว่างลดลง ซีโรโตนินก็จะลดระดับลงเพื่อเตรียมให้ร่างกายได้พัก ในขณะเดียวกันต่อมไพเนียลก็หลั่งฮอร์โมนอีกชนิดหนึ่งชื่อเมลาโตนินออกมา ระดับเมลาโตนินในร่างกายจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ง่วงนอนในกลางคืน พอถึงประมาณตี 2 เมลาโตนินจะเริ่มลดระดับลง และซีโรโตนินก็จะถูกหลั่งออกมาในยามเช้ามืด พอดีเช้าเมลาโตนินหายไป ซีโรโตนินเพิ่มขึ้นมาได้ระดับเราก็ตื่นพอดี หากอดนอนก็เท่ากับฝืนวัฏจักรของฮอร์โมนตามธรรมชาตินี้ และว่ากันว่าทำให้ร่างกายเสียสมดุลและทำให้ป่วยได้ง่าย

ข้อความปฏิบัติสำหรับคนนอนดึก มีดังนี้

1 กินอาหารที่อุดมด้วยวิตามินบีและซี

เพราะเวลาอดนอนระดับฮอร์โมนจากต่อมไพเนียลปั่นป่วน ทำให้เกิดความเครียดแบบลึกๆ จึงต้องแก้ด้วยวิตามินคลายเครียดประเภทบีและซีปริมาณมาก ดังนั้นในระยะนี้ต้องกินข้าวกล้อง กินผัก ผลไม้ กินน้ำผลไม้คั้นสด น้ำส้มคั้นสดๆ หากกินอาหารประเภทดังกล่าวไม่ได้ ให้ใช้วิตามินบี 100 วันละ 1 เม็ด และกินวิตามินซี 1,000 ม.ก. วันละ 2 เม็ด หลังอาหารเช้า

2 ต้องเติมพลังงานให้กับตัวเอง

เพราะส่วนอาหารที่เรากินเข้าไปจะใช้ได้ประมาณ 6 ช.ม.เท่านั้น หากกินอาหารเย็น 6 โมง ถึงเที่ยงคืนพลังงานก็หมดแล้ว จะต้องเติมอาหารที่ให้พลังงานเข้าไป ทั้งนี้ ควรเป็นอาหารที่ย่อยง่ายประเภทข้าวต้ม โจ๊ก น้ำข้าว ธัญพืช จะดีกว่าอาหารที่มีไขมันสูงอย่างนมวัว หรือเครื่องดื่มประเภทโกโก้ หรือมอลต์ เนื่องจากเวลาที่จะนอนมีน้อยอยู่แล้วไม่ควรกวนกระเพาะให้ย่อยอะไรที่ย่อยยาก เพราะจะทำให้หลับไม่สนิทดีนัก และมีอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตที่ทำให้หลับง่ายกว่า เช่น ข้าวเหนียว กล้วย หากเลือกกินยามดึกได้จะทำให้นอนเร็วกว่า

3 ควรเข้านอนทันที

หลังจากเสร็จจากดูบอล หรือดูหนังสือ ไม่ควรเสียเวลาออกไปหาข้าวต้มรอบดึกกินนอกบ้านเพราะจะยิ่งมีเวลานอนน้อย และควรระลึกไว้ว่าน่าจะมีเวลานอนติดกันประมาณ 4 ชั่วโมง สุขภาพจึงจะไม่เสื่อมทรุดในระยะนี้ ถ้าต้องนอนตี 3 ก็แปลว่าควรจะตื่นตอน 7 โมงเช้าจึงจะดี

4 ไม่ควรแก้ง่วงด้วยการดื่มกาแฟ หรือชา

เพราะกาแฟมีฤทธิ์ 6-8 ชั่วโมง หากกินกาแฟตอน 4 ทุ่มก็แปลว่าจะหลับได้เอาตอนตี 4 ซึ่งจะทำให้เวลาพักผ่อนไม่พอ หากง่วงก็ควรงีบหลับก่อนแล้วค่อยตื่นมาดูหนังสือหรือดูโทรทัศน์เอาตอนดึก

5 ควรกระตุ้นตนเองให้กระปรี้กระเปร่าด้วยวิตามิน

หลังจากต้องตื่นเช้าจากอดนอน ดังที่ได้กล่าวแล้ว หรือจะใช้โสมกินร่วมด้วยก็ดีกว่าดื่มกาแฟ เพราะการใช้วิตามินกับโสมจะทำให้สมองปลอดโปร่งกว่ากินกาแฟ

พนักงานโรงแรมส่วนใหญ่ก็จะมีการทำงานแบบวนกะ เช้า บ่าย ดึก สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป โดยเวลาที่ต้องทำงานในช่วงกลางคืนนั้น เราอาจไม่ได้พบเจอคนมากมายเท่าไร แถมยังอาจจะต้องเสียสุขภาพไปบ้างเพราะ ความแปรปรวนของเวลา แต่ก็ใช่ว่าจะมีแต่ข้อเสียอย่างเดียว ข้อดีของคนทำงานกะดึกก็มีนะ

1 เดินทางสะดวก

การเดินทางสะดวกมาทำงานง่ายกว่าช่วงเช้า เพราะรถไม่ติด ถนนก็จะโล่งๆ จะมีก็แต่เพื่อนร่วมทางที่ทำงานกะเดียวกัน ดังนั้นการเดินทางก็จะสะดวกสบายราบรื่นดี สามารถไปทำงานได้แบบชิวชิว

2 มีเวลาเคลียงาน

สำหรับช่วงเวลาที่เงียบสงัด สุดจัดปลัดไม่ได้บอกนั้น เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด ที่จะต้องเคลียงานเคลียเอกสารต่างๆ ของวันนั้นๆให้เรียบร้อย

3 ได้ฝึกทักษะ

คนที่ทำงานกะดึกจะต้องมีความมั่นใจในการทำงาน กล้าคิดกล้าตัดสินใจ อีกทั้งยังได้ฝึกทักษะการแก้ปัญหาต่างๆ ที่ต้องพบเจออีกด้วย ทำให้คุณมีทักษะในการทำงานเพิ่มมากขึ้น

4 อากาศไม่ร้อน

แน่นอนอยู่แล้ว สำหรับใครที่อยู่กะดึก ก็ตัดปัญหาเรื่องความร้อนออกไปเลย เพราะอากาศในช่วงเวลากลางคืนนั้นจะเย็นสบาย ไม่แออัดเหมือนในช่วงเวลากลางวัน

5 ไม่ต้องตื่นเช้า

มันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก สำหรับคนไม่ชอบตื่นเช้า เพราะทำงานกะดึก มันไม่ต้องเร่งรีบอะไร ไม่ต้องไปแข่งขันแย่งรถติด แย่งรถไฟฟ้า แย่งการเดินทาง แข่งกันทำเวลาต่างๆ นานา ส่วนในเรื่องอาหารนะหรอ ทางโรงแรมเขามีให้ฟรีจ้า

6 เป็นช่วงเวลาสานสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานได้ดี

เพราะช่วงเวลางานของกะดึกก็จะเหลือพนักงานเพียงไม่กี่คน และบรรยากาศตอนกลางคืนช่างเงียบเหงา เพราะฉะนั้นเรามักจะหาเรื่องคุย เรื่องเล่า กันบ่อยครั้งช่วงเวลานี้จึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ที่ทำให้เพื่อนๆพี่ๆพนักงานสนิทกันมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

เรียบเรียงโดย www.hoteljob.in.th
BACK TO TOP